วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

"นี่ๆ แกจะ Ent’ เข้าคณะอะไรน่ะ?"
คำถามนี้มักโดนถามเสมอจากผู้คนรอบตัวที่รู้จัก ในสมัยเรียนมัธยม ก็ได้แต่บอกคนเหล่านั้นไปว่า “คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์” แล้วก็มีคำถามตามมาว่า เพราะอะไรหล่ะ? ทำไมหล่ะ? แล้วจบไปทำอะไรหล่ะ?
สมัยเรียนมัธยมนั้น ถ้าพูดถึงคำว่า “คณะสถาปัตยกรรม”นั้นข้าพเจ้าจะมโนภาพในหัวเป็นรูปบ้าน ตึก มีคนรอบข้างมักจะบอกว่าคณะนี้ต้องวาดรูปเก่ง ประกอบกับข้าพเจ้าชอบวิชาศิลปะ (แต่ไม่ได้วาดรูปเก่งมากมาย)จึงเริ่มสนใจคณะนี้ แต่ยังสับสนว่ามันต่างกับคณะวิศวตรงไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเอ็นทรานซ์ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลของคณะต่างๆ จากหนังสือแนะแนวบ้าง อาจารย์บ้าง เพื่อเตรียมตัววางแผนการเรียนต่อมหาวิทยาลัย ก็เข้าใจความหมายในแบบทฤษฎี ตัวหนังสือที่ได้อ่าน รู้ว่ามันต่างกันอย่างไร แต่ก็ไม่ได้รู้ละเอียดจริงๆ รู้ว่ามันสอบวิชาไม่เหมือนกัน วิศวมีสอบวิชาชีว แต่สถาปัตยมีสอบวิชาพื้นฐานสถาปัตย เมื่อรู้ว่ามีสอบวิชานี้ด้วยจึงได้เรียนวิชาความถนัดทางสถาปัตย พี่เขาสอนให้ฝึกวาดสิ่งต่างๆ ก็รู้สึกชอบเพลินดี และก็เริ่มรู้ว่ามันมีเกี่ยวกับการออกแบบด้วย นอกจากนี้พี่ที่สอนยังบอกว่าเรียนคณะนี้ มันเหนื่อยนะ ไม่ค่อยได้นอนนะ ก็เชื่อที่เขาบอก แต่ยังไม่รู้ว่า คำว่าเหนื่อยที่ว่านั้น มันระดับไหน เพราะยังไม่เจอเองกับตัว ด้วยเหตุผลที่ว่ามาจึงได้เลือกเรียนคณะสถาปัตยกรรม

เมื่อชีวิตเข้าสู่การเรียนคณะสถาปัตยกรรมจริงๆ ถือว่าเป็นขั้นการเรียนรู้ความหมายของคำว่าสถาปัตยกรรมอย่างละเอียดขึ้น เริ่มรู้สึกถึงคำที่พี่เขาบอก ว่ามันเหนื่อยอย่างไร แรกๆที่เรียนเพื่อนคณะอื่นชวนไปเที่ยววันหยุด เราก็ไม่เคยว่าง บอกแต่ต้องทำงานๆ ไม่ว่าง เวลาเจอเพื่อนคณะอื่นถามเรียนเป็นไงบ้าง ได้แต่บอกว่า เหนื่อย หนัก และก็คิดในใจว่า เขาก็คงคิดแบบเราตอนแรก ตอนที่เรียนปีหนึ่ง แรกๆอยู่ในช่วงปรับตัว รู้สึกไม่คุ้นเคย อิจฉาเพื่อนคณะอื่นที่มีเวลาว่าง เราต้องทำงาน วิชาที่เราเรียนก็ไม่เหมือนสมัยมัธยมที่จะเป็นเล็กเชอร์จดๆ แต่คณะนี้เล็กเชอร์ชั่วโมงเดียวแล้วปล่อยให้ทำงานทั้งวัน ต้องอดหลับอดนอนทำงานเสียสุขภาพ และยังต้องส่งงานให้ตรงเวลาอีกด้วย เวลาทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อย ท้อมักจะบ่นกับแม่ว่าไม่น่าเรียนคณะนี้เลย เรียนก็หนัก สุขภาพก็เสีย ใช้เงินก็มาก แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆปรับตัว คณะนี้ทำให้รู้จักการวางแผนการทำงานบริหารเวลา จึงปรับตัวกับสิ่งเหล่านี้ได้ เริ่มรู้สึกสนุกไปกับการทำงาน ไม่รู้สึกแย่กับการทำงานอดนอน ชินกับการอดนอนเพื่อให้ได้งานตามที่หวัง และเมื่อเรียนไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้ว่าทำไมถึงต้องให้เรียนวิชานั้นด้วยนะ มันเกี่ยวด้วยเหรอ แต่พอขึ้นปีสูงๆจึงรู้ว่าการที่เราจะเป็นสถาปนิกได้นั้น เราต้องศึกษา รู้เรื่องอีกมากมายหลายศาสตร์ ต้องรู้ให้มาก ยิ่งรู้ลึกรู้ละเอียดยิ่งดี เพราะสถาปัตยกรรมนั้นมันเกี่ยวข้องกับหลายศาสตร์ ซึ่งเราจำเป็นต้องรู้เพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้องที่ใช้ในการออกแบบ

หลังจากนี้ เมื่อเรียนจบไป ก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาการเริ่มต้นชีวิตการทำงาน และคงจะรู้ความหมายของคำว่าสถาปนิกและสถาปัตยกรรมละเอียดยิ่งขึ้น เหมือนช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเป็นช่วงทฤษฎี แต่ช่วงที่กำลังจะถึงในอีกไม่นานนี้ เปรียบได้กับขั้นการทดลอง ปฏิบัติจริง ได้ออกแบบจริง ไม่มีอาจารย์มาช่วยเตือน ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น เราจึงต้องปรับตัวเพื่อเรียนรู้ รับสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะทำงานแล้วแต่ก็ยังต้องเรียนรู้ศึกษา ค้นคว้าพัฒนาศักยภาพตนเองต่อไปเรื่อยๆ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ



....สถาปนิกที่ชื่นชอบ.....

frank lloyd wright
Mies van der Rohe



Peter Eisenman

1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วครับ.......สู้ต่อไปนะหนู...อีกไม่กี่เดือนจะจบแล้ว....

    ตอบลบ